หัวข้อ
- #เทพปกรณัมกรีกโรมัน
- #ฮวาจุงวัง
- #โบตั๋นสีแซลมอน
- #ภาษาของดอกไม้
- #วิธีแยกแยะโบตั๋นและโบตั๋น
สร้าง: 2024-02-07
สร้าง: 2024-02-07 15:22
Naver Encyclopedia Petit Flower
คุณชอบดอกโบตั๋นหรือเปล่า? พอผมนึกถึงดอกโบตั๋นแล้ว ผมก็จะนึกถึงสีสันที่สดใสและกลิ่นหอมหวานอันเย้ายวนใจ ในวันนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับดอกโบตั๋นกัน ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ใครๆ ก็รู้จัก แต่ก็อาจจะยังไม่รู้จักมันดีพอ นอกจากนี้ ผมยังอยากจะแนะนำสายพันธุ์ดอกโบตั๋นที่สวยงามซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้จักให้ทุกคนได้รู้จักกันด้วย
ก่อนอื่นเลย เราลองมาทำความรู้จักกับดอกโบตั๋นกันก่อนดีกว่า ดอกโบตั๋นในภาษาอังกฤษเรียกว่า Peony root และในภาษาจีนเรียกว่า 芍藥 ซึ่งออกเสียงว่า เสียวเยา นั่นเอง ดังนั้น ชื่อเรียกอื่นๆ ของดอกโบตั๋นก็คือ ดอกหมากฝรั่งด้วย
โบตั๋นเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Ranunculaceae (เรนูคูเลซีอี) มีความสูงประมาณ 50-100 ซม. มักปลูกเพื่อประดับตกแต่งสวน ดอกมีสีแดง ขาว ชมพู และสีอื่นๆ อีกมากมาย มีการพัฒนาสายพันธุ์เพื่อการจัดสวนมากมาย และหลายๆ สายพันธุ์ก็มีกลิ่นหอมแรงด้วย
ดอกโบตั๋นมักจะถูกนำมาใช้เป็นดอกไม้ตัดดอก และนิยมใช้เป็นช่อดอกไม้ในงานแต่งงาน คุณรู้หรือไม่ว่าทำไม?
ก็คงมีหลายเหตุผลใช่ไหมล่ะ? ใครๆ ก็อยากใช้ดอกไม้สวยๆ ที่มีกลิ่นหอมเป็นช่อดอกไม้ในงานแต่งงาน แต่เนื่องจากดอกโบตั๋นมีความหมายว่า “ความขี้อาย” หรือเปล่า? คิดว่าคำๆ นี้เหมาะกับเจ้าสาวมากเลยนะ
ถ้าปลูกในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ดอกโบตั๋นก็จะบานในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน
ถิ่นกำเนิดของโบตั๋นอยู่ที่ประเทศจีน และพบได้ในเกาหลี ญี่ปุ่น จีน มองโกเลีย และไซบีเรียตะวันออก
เนื่องจากมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน จึงมีสำนวนและคำพูดที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้นี้มากมาย ในประเทศจีน ดอกโบตั๋นมีความหมายว่า 'ความผูกพันลึกซึ้งจนไม่อยากจากไป' (依依不舍, 难舍难分) จึงเป็นดอกไม้ที่คู่รักมักจะมอบให้กันบ่อยๆ นอกจากนี้ ยังมีสำนวนว่า 作藥之贈 (จั่วเยาจือเจิ้ง) ซึ่งหมายถึง การมอบดอกโบตั๋นหอมๆ ให้แก่กันเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างชายหญิง และทุกคนก็คงจะเรียนรู้เรื่องนี้มาจากโรงเรียนแล้วใช่มั้ย? ยังจำเรื่องราวของราชาแห่งดอกไม้ได้ไหม? ดอกโบตั๋นถูกเรียกว่า 'ราชาแห่งดอกไม้' หรือ 'หัวเหว่ย' (화왕) ส่วนดอกโบตั๋นถูกเรียกว่า 'ขุนนางแห่งดอกไม้' หรือ 'หัวซัง' (화상)
Pixabay
บอกเล่าเรื่องสนุกๆ ให้ฟังหน่อย ชื่อสามัญ 'paeony' มาจากชื่อของ 'Paeon' ในเทพนิยายกรีก ซึ่งเป็นคนแรกที่ใช้พืชชนิดนี้เป็นยา และเนื่องจากมีตัวอักษร 药 (เยา) ที่แปลว่า ยา โบตั๋นจึงมีสรรพคุณทางยา รากของมันใช้ทำยาได้ ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน จึงนิยมนำมาต้มดื่มเป็นชาโบตั๋น
เนื่องจากรูปทรงของดอกไม้ จึงมักจะสับสนกับดอกโบตั๋นกับดอกพีโอนี แต่จริงๆ แล้วเป็นพืชคนละชนิดกัน พีโอนีเป็นไม้พุ่ม ส่วนโบตั๋นเป็นไม้ล้มลุก ถ้าจำจุดนี้ได้ ก็แยกแยะได้ง่ายๆ และยังสับสนกับดอกไม้ชนิดอื่นๆ ด้วย เช่น ดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า 'ดอกหมากฝรั่ง' ทำให้เกิดความสับสน แต่ดอกทั้งสองชนิดมีรูปทรงและลักษณะที่แตกต่างกัน
มีตำนานเศร้าๆ เกี่ยวกับดอกโบตั๋นอยู่ ขอเล่าให้ฟังหน่อยนะ มีเจ้าชายและเจ้าหญิงที่รักกันมาก แต่เจ้าชายต้องไปรบ เจ้าหญิงก็รอคอยเขาอยู่ แต่แล้วก็ได้ยินข่าวลือว่าเจ้าชายเสียชีวิตในสนามรบ เจ้าหญิงยังไม่แน่ใจในข่าวลือ จึงเดินทางไปยังประเทศที่เจ้าชายอยู่ แต่ปรากฏว่าเจ้าชายเสียชีวิตจริง และมีดอกพีโอนีบานอยู่ที่นั่น เมื่อรู้ความจริง เจ้าหญิงก็เสียใจมาก จึงอธิษฐานขอต่อพระเจ้าขอให้ได้อยู่กับเจ้าชาย พระเจ้าก็ทรงเห็นใจในความทุกข์ของนาง จึงได้แปลงร่างนางเป็นดอกโบตั๋น
ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่และสวยงามสะดุดตา จึงมักถูกนำมาใช้เป็นภาพวาดในงานศิลปะทั้งในอดีตและปัจจุบัน ปัจจุบันนี้ยังคงมีการนำดอกโบตั๋นมาวาดภาพประกอบ การปักผ้า และลวดลายต่างๆ โดยใช้เป็นองค์ประกอบหลักของภาพประกอบ หรือเป็นส่วนประกอบเสริม (องค์ประกอบรอง) ในงานศิลปะ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ดอกโบตั๋นยังคงถูกนำมาใช้เป็นของตกแต่งอยู่เสมอ ทั้งดอกไม้สดและดอกไม้ปลอมที่เลียนแบบรูปทรงของดอกไม้สด นอกจากนี้ ในอดีตยังเป็นสัญลักษณ์ของความงามของผู้หญิงด้วย
ดอกโบตั๋นยังถูกนำมาสกัดเป็นน้ำหอมด้วย แม้จะเป็นดอกไม้ชนิดเดียวกัน แต่สายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาเพื่อการจัดสวนอาจมีดอกที่สวยงาม แต่กลิ่นหอมอ่อน หรือกลิ่นไม่หอมเท่ากับสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาเพื่อใช้เป็นส่วนผสมของน้ำหอม เนื่องจากกลิ่นหอมจึงนิยมใช้เป็นส่วนผสมของน้ำหอม บางครั้งก็ใช้เพียงอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่จะผสมกับกลิ่นหอมของดอกไม้อื่นๆ
ตอนนี้ทุกคนคงจะเข้าใจเกี่ยวกับดอกโบตั๋นมากขึ้นแล้วใช่ไหม? ดอกโบตั๋นมีหลายสายพันธุ์ และในวันนี้ ผมจะมาแนะนำสายพันธุ์หนึ่งให้ทุกคนได้รู้จักกัน นั่นก็คือ โบตั๋นสีแซลมอน!
mypeonysociety, Salmon Peony
ในภาษาอังกฤษเรียกว่า etched salmon มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา จดทะเบียนโดย คูชินส์ และเคล็ม ในปี 1981 และในปี 2002 ได้รับรางวัลเหรียญทองจากสมาคมพีโอนีแห่งสหรัฐอเมริกา
ดอกไม้ชนิดนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ หวานๆ คงจะแตกต่างจากโบตั๋นที่เราเคยรู้จัก อยากรู้จังเลยว่ากลิ่นจะหอมแบบไหน ดอกไม้ชนิดนี้มีสีปะการังอ่อนและสีชมพู ขนาดดอกประมาณ 100-150 มม. และ 150-200 มม. รูปทรงของดอกคล้ายกับถ้วยขนาดเล็ก กลีบดอกซ้อนกันเป็นชั้นๆ
เป็นดอกพีโอนีที่มีกลีบดอกทั้งหมด รูปทรงคล้ายกับดอกกุหลาบสวนมาก ดอกมีสีที่โดดเด่นและมีแสงเฉพาะตัว เนื่องจากมีกลีบดอกหลายพันกลีบที่ค่อยๆ เข้มขึ้นไปทางกลางดอก พันธุ์พีโอนีนี้เป็นพันธุ์ยอดนิยมและเป็นที่นิยมใช้เป็นดอกไม้ตัดดอก หากคุณชื่นชอบดอกไม้ที่มีรูปทรงสวยงาม สีสันโรแมนติก และเป็นสายพันธุ์พิเศษ พีโอนีชนิดนี้ก็เหมาะสำหรับคุณแล้ว
เป็นอันว่าจบลงแล้วสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับดอกโบตั๋น หลังจากที่ได้รู้จักเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับดอกโบตั๋น รวมถึงสายพันธุ์และวิธีการใช้ประโยชน์ต่างๆ รู้สึกเหมือนได้เข้าใกล้ดอกโบตั๋นมากขึ้นใช่ไหม? พบกันใหม่ในบทความหน้าที่มีเรื่องราวสนุกๆ ให้ติดตามกัน ขอบคุณครับ
ความคิดเห็น0