หัวข้อ
- #ยุคครีเทเชียส
- #ตำนาน
- #พุดตาน
- #วิธีแยกแยะพุดตานไทยกับพุดตานจีน
- #ภาษาของดอกไม้
สร้าง: 2024-02-08
สร้าง: 2024-02-08 09:23
สวัสดีครับ! ในครั้งนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับแมกโนเลียอันงดงามด้วยกัน แมกโนเลียเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่ได้รับความรักจากผู้คนมากมาย ด้วยความงามอันโดดเด่น กลีบดอกที่งดงาม และกลิ่นหอมอันเย้ายวนใจ มาทำความรู้จักกับเสน่ห์ของแมกโนเลียกันเถอะ
Pixabay
แมกโนเลีย (木蓮, Magnolia) โดยเฉพาะแมกโนเลียโคบัส (Magnolia kobus) ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของสกุลแมกโนเลีย (Magnolia) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Magnolia kobus A. P. DC. เป็นไม้ผลัดใบที่พบได้ในประเทศเกาหลี (เกาะเชจู) โดยจะออกดอกสีขาวในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน
โปรดจำไว้ว่า แมกโนเลียที่เราคุ้นเคยส่วนใหญ่ไม่ใช่แมกโนเลียพื้นเมืองของเกาหลี แต่เป็นแมกโนเลียสีขาว (Magnolia denudata) ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน
ดอกแมกโนเลียมีความหมายว่า **“จิตใจอันสูงส่ง ความสูงส่ง ความรักพี่น้อง ความรักในธรรมชาติ”** เหมาะกับรูปลักษณ์อันงดงามของแมกโนเลียใช่ไหมครับ
ชื่อสกุลหรือชื่อที่เรียกกันในโลกตะวันตกคือ Magnolia ซึ่งมีที่มาจากชื่อของปิแอร์ มานโยล นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 18 กลีบดอกสีขาวและอุดมสมบูรณ์นั้นงดงาม แต่เมื่อดอกร่วงโรยแล้ว จะกลายเป็นสีน้ำตาลคล้ายเปลือกกล้วยเน่าที่ทิ้งไว้นานและกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นถนน ทำให้ดูไม่สวยงาม จึงทำให้บางคนมองว่าเป็นดอกไม้ที่ไม่สวยงามเท่าไหร่ เราสามารถเห็นความงามของดอกไม้ได้ก็ต่อเมื่อดอกไม้บานเต็มที่เท่านั้น จึงดูเหมือนว่าความหมายของดอกไม้ที่ว่า “ความสูงส่ง” นั้นเหมาะสมจริงๆ นะครับ
ขออนุญาตแนะนำวิธีการแยกแยะระหว่างแมกโนเลียที่เราคุ้นเคยกับแมกโนเลียที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ
ดอกไม้ที่ผู้คนมักเรียกว่าแมกโนเลียนั้นคือแมกโนเลียสีขาว (Magnolia denudata) ซึ่งมีกลีบดอก 6 กลีบและมีกลีบเลี้ยง 3 กลีบที่ดูเหมือนกลีบดอก ส่วน‘แมกโนเลีย’นั้นมีกลีบดอก 6 กลีบ และเมื่อบานเต็มที่จะแผ่กว้างกว่าแมกโนเลียสีขาวมาก นอกจากนี้ยังมีแมกโนเลียสีม่วง (Magnolia liliiflora) แมกโนเลียญี่ปุ่น (Magnolia obovata) แมกโนเลียดาว (Magnolia stellata) และแมกโนเลียป่า (Magnolia sieboldii) ซึ่งเป็นสายพันธุ์พื้นเมืองของเกาหลี เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถเด็ดดอกตูมก่อนที่ดอกจะบานมาทำเป็นชาแมกโนเลียดื่มได้อีกด้วย
ดังนั้น แมกโนเลียจึงเป็นหนึ่งในพืชดอกที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงอยู่รอดมาตั้งแต่ยุคครีเทเชียสจนถึงปัจจุบัน และแมกโนเลียเวอร์จิเนียน (Magnolia virginiana) ยังเป็นต้นแบบของพืชมีดอกทั้งหมดอีกด้วย
ในอดีตเคยคิดว่าแมกโนเลียนั้นอยู่ในอันดับ Ranunculales แต่ในศตวรรษที่ 21 ด้วยเทคโนโลยีทางชีววิทยาโมเลกุลที่พัฒนาขึ้น ทำให้ทราบว่าแมกโนเลียและพืชที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันนั้นเป็นพืชมีดอกดึกดำบรรพ์ที่แตกต่างจากพืชใบเลี้ยงคู่ชนิดอื่นๆ โดยสิ้นเชิง ส่งผลให้แมกโนเลียถูกจัดอยู่ในอันดับ Magnoliids ซึ่งเป็นอันดับที่แยกออกมาต่างหาก
แมกโนเลียปรากฏขึ้นมาตั้งแต่ยุคสมัยที่ยาวนานมากแล้ว ซึ่งก่อนที่ผึ้งและผีเสื้อจะปรากฏตัวขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้น แมกโนเลียจึงไม่มีต่อมน้ำหวาน แต่ได้วิวัฒนาการเพื่อดึงดูดแมลง เช่น ด้วง ที่กินเกสรดอกไม้แทน ส่งผลให้พืชในอันดับ Magnoliids มีดอกที่มีกลิ่นหอมแรงและแผ่กระจายไปไกล
ผมชอบกลิ่นของแมกโนเลียมากครับ ในช่วงที่ฤดูใบไม้ผลิเริ่มเบ่งบาน แมกโนเลียจะเบ่งบานสะพรั่ง ทำให้ฤดูใบไม้ผลิดูโดดเด่นขึ้นไปอีก ผมคิดว่ารูปลักษณ์และกลิ่นหอมของมันช่วยให้เรานึกถึงฤดูใบไม้ผลิและเป็นสื่อกลางที่ทำให้เรานึกถึงบ้านเกิดในวัยเด็ก
ดอกไม้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันคือดอกหมากเม่า แมกโนเลียและหมากเม่านั้นเป็นพืชคนละชนิดกัน แต่เป็นพืชในวงศ์และสกุลเดียวกัน คือ วงศ์แมกโนเลียและสกุลแมกโนเลีย โดยหมากเม่าเป็นดอกไม้ประจำชาติของเกาหลีเหนือ
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับแมกโนเลียสีขาวและแมกโนเลียสีม่วง ฉันขอเล่าให้ฟังนะครับ พระเจ้าหยกได้เตรียมตัวส่งธิดาออกเรือน แต่เจ้าหญิงไม่ต้องการแต่งงาน เพราะเจ้าหญิงหลงรักเทพเจ้าแห่งท้องทะเลทางทิศเหนืออยู่แล้ว แต่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลทางทิศเหนือนั้นแต่งงานแล้ว เจ้าหญิงจึงเสียใจและฆ่าตัวตาย เทพเจ้าแห่งท้องทะเลทางทิศเหนือเสียใจกับการตายของเจ้าหญิง จึงให้ภรรยาของตนกินยาพิษและจัดงานศพให้ทั้งสองคน หลังจากนั้น บริเวณหลุมฝังศพของเจ้าหญิงก็มีแมกโนเลียสีขาวขึ้น ส่วนหลุมฝังศพของภรรยาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลทางทิศเหนือก็มีแมกโนเลียสีม่วงขึ้น เทพเจ้าแห่งท้องทะเลทางทิศเหนือใช้ชีวิตเป็นโสดตลอดไป นี่เป็นเรื่องเล่าที่เล่าขานกันมา
เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับแมกโนเลียมาพอสมควรแล้ว!
ความคิดเห็น0